
ประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุ ต่างกันอย่างไร

เขียนเมื่อวันที่ 15/06/2021
ชีวิตคือความไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าความเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุจะขึ้นกับเราเมื่อใด แต่หนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้เรารับมือกับเรื่องไม่คาดฝันเหล่านี้ได้ คือ การมีประกันภัย ยามเจ็บป่วยเราอาจต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลจนอาจส่งผลกระทบต่อการเงินได้ เงินออมที่เก็บหอมรอมริบไว้ใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยว สร้างความสุข ผ่อนคลายจากการทำงาน อาจต้องหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลแทน การมีประกันภัยสุขภาพไว้จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปได้มาก หรือถ้าเกิดว่าเราประสบอุบัติเหตุจนทำให้ไม่สามารถกลับไปทำงานหารายได้ตามปกติ แถมข้างหลังก็ยังมีคนที่เราต้องดูแลคอยอยู่ การมีประกันภัยอุบัติเหตุก็จะช่วยชดเชย บรรเทาความสูญเสียได้
วันนี้ฮักส์จะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักประกันภัย 2 ประเภท ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากผลการค้นหาใน Google Trends 2020 อันดับหนึ่งได้แก่ ประกันภัยสุขภาพ รองมาเป็น ประกันภัยอุบัติเหตุ เพื่อทำความเข้าใจแบบลึกๆ กันอีกครั้งประกันเหล่านี้คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับใครบ้างตามไปดูกันเลย
ประกันสุขภาพ
เมื่อทำประกันสุขภาพ ผู้ทำประกันภัยสุขภาพ หรือทางกฎหมายเรียกว่าผู้เอาประกันภัยจะได้รับ ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลยามที่เจ็บป่วย ซึ่งทางบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้จ่ายให้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าตรวจรักษา ค่าแพทย์เฉพาะทาง ค่ายา ค่าผ่าตัด ค่าห้อง ค่าห้องพิเศษ (ICU) ค่าบริการรถพยาบาล โดยบางแผนจะมีครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) หรือที่เข้าใจง่ายๆ คือการรักษาแบบที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือเงินชดเชยรายได้ ซึ่งจะช่วยซัพพอร์ตเพื่อนๆ หากเราต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน หยุดงาน รายได้ก็ไม่หยุดตามไปด้วย
นอกจากค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอาการเจ็บป่วยทางกายแล้วแล้ว ในประกันภัยสุขภาพบางแผนนั้นมีประกันทันตกรรมครอบคลุมไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าทำฟัน อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน รักษารากฟัน ผ่าฟันคุด และเงือกอักเสบ ฟันซี่เล็กๆ ที่ค่ารักษาไม่เล็กตาม แค่ขูดหินปูนครั้งเดียวประกันสังคมก็หมดแล้ว ซื้อทั้งทีถ้าอยากให้ครอบคลุมครบๆ เช็คได้ที่นี่เลย
การทำประกันสุขภาพเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด บริษัทประกันภัยส่วนมากก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เพียงแค่ตอบคำถามสุขภาพเท่านั้น แต่ที่สำคัญการทำประกันสุขภาพนั้นควรทำในขณะที่เรายังมีสุขภาพแข็งแรง เพราะบริษัทประกันภัยจะต้องพิจารณาการรับประกัน และเบี้ยประกันจากการตอบคำถามสุขภาพของเพื่อนๆ ซึ่งจะไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนนั่นเอง (Pre-Existing Condition) แต่ถ้าเราทำแล้ว และป่วยเป็นโรคทีหลังไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ประกันภัยนั้นก็จะคุ้มครองค่ารักษาทันที
การจะทำประกันสุขภาพ ควรเริ่มประเมินจากเบี้ยที่ตอนเองจ่ายไหว รวมถึงความคุ้มครองให้ครอบคลุมตรงกับความต้องการเนื่องจากประกันภัยแต่ละแผนก็ให้ความคุ้มครองแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ดังนั้นการจะเสียเงินซื้อประกันสักครั้งหนึ่งก็ต้องเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และความต้องการมากที่สุด