5 ข้อดีการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ดูแลคุ้มครองแค่ไหน
เขียนเมื่อวันที่ 15/06/2021
ประกันภัยที่คนขับรถต้องสนใจ
ประกันภัยรถยนต์เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองรถยนต์และผู้ขับขี่ที่เป็นผู้เอาประกันภัย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (COMPULSORY THIRD PARTY INSURANCE) หรือพรบ.รถยนต์ที่รถทุกคันจะต้องทำ ประเภทถัดมา คือ ประกันภัยภาคสมัครใจ เป็นประกันที่ผู้ขับขี่พิจารณาทำเพิ่มจากประกันภัยภาคบังคับ ขึ้นอยู่กับความสมัครของผู้ขับขี่เป็นหลัก สามารถเลือกที่จะไม่ทำประกันส่วนนี้ก็ได้ แต่หากมีไว้จะอุ่นใจกว่าเพราะคุ้มครองครอบคลุมกว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้นหลายคนอาจมีคำถามว่า "ทำไมต้องทำประกันภัยรถยนต์ ?" คำตอบคือเพื่อคุ้มครองค่าความเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนบนท้องถนน ไม่ว่าจะเราชนเขาหรือเขาชนเรา ก็พร้อมให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมตามกรมธรรม์ที่ทำไว้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และไม่มีการแจ้งเตือนล้วงหน้า บางคนขับรถตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดก็มีโอกาสถูกเชี่ยวชนจากคนที่ขับรถโดยประมาทได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการทำประกันภัยรถยนต์จึงมีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งมีให้เลือกทั้งประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ประกันภัยรถยนต์ 2 ประกันภัยรถยนต์ 2+ ประกันภัยรถยนต์ 3 และประกันภัยรถยนต์ 3+
ประเภทของประกันภัยภาคสมัครใจ
ประกันภัยภาคสมัครใจแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ตามความคุ้มครอง ดังนี้
ประกันภัยชั้น 3
- ความคุ้มครองรถ - คุ้มครองเฉพาะรถคู่กรณีในกรณีรถชนเท่านั้น
- ความคุ้มครองบุคคลในรถ – ชดใช้อาการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิตทั้งของคู่กรณีและผู้ขับขี่เอง
ประกันภัยชั้น 3+
- ความคุ้มครองรถ - คุ้มครองทั้งรถคู่กรณีและรถผู้ขับขี่ในกรณีรถชน และคุ้มครองรถผู้ขับขี่ในกรณีเกิดน้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติตามแต่กรมธรรม์คุ้มครอง
- ความคุ้มครองบุคคลในรถ – ชดใช้อาการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิตทั้งของคู่กรณีและผู้ขับขี่เอง
ประกันภัยชั้น 2+
- ความคุ้มครองรถ – คุ้มครองทั้งรถคู่กรณีและรถผู้ขับขี่ในกรณีรถชน และคุ้มครองรถผู้ขับขี่ในกรณีไฟไหม้ น้ำ ท่วม และภัยธรรมชาติที่ส่งผลต่อรถตามกรมธรรม์คุ้มครอง
- ความคุ้มครองบุคคลในรถ – ชดใช้อาการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิตทั้งของคู่กรณีและผู้ขับขี่เอง
ประกันภัยชั้น 2
- ความคุ้มครองรถ – คุ้มครองรถคู่กรณีในกรณีรถชนรถเท่านั้น และคุ้มครองรถผู้ขับขี่ในกรณีไฟไหม้
- ความคุ้มครองบุคคลในรถ – ชดใช้อาการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิตทั้งของคู่กรณีและผู้ขับขี่เอง
ประกันภัยชั้น 1
- ความคุ้มครองรถ - คุ้มครองทั้งรถคู่กรณีและรถผู้ขับขี่ทุกกรณี
- ความคุ้มครองบุคคลในรถ – ชดใช้อาการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิตทั้งของคู่กรณีและผู้ขับขี่เอง
การคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทขึ้นอยู่กับกรมธรรม์เป็นหลัก ควรศึกษาความคุ้มครองก่อนตัดสินใจทำประกันภัยรถยนต์ เพราะประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทจะคุ้มครองแตกต่างกันไปในแต่ละกรมธรรม์
ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์แต่ละชั้น
5 ข้อดีของประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1
ประกันช่วยเคลมเมื่อรถยนต์เกิดอุบัติเหตุ
ประกันภัยชั้น 1 เป็นประกันที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งขับรถ เพราะสามารถคุ้มครองได้อย่างครอบคลุมในกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถ ข้อดีของการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มีดังนี้
1 วงเงินคุ้มครองประกันสูงกว่า
ประกันภัย ชั้น 1 จะมีค่าเบี้ยประกันสูงกว่าประกันภัยชั้นอื่น ๆ ทำให้ความคุ้มครองมากกว่าไปด้วย ซึ่งเทียบความคุ้มค่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาถือว่าดีกว่าประกันชั้นอื่นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
2 มีความครอบคลุมมากกว่า
ประกันภัย ชั้น 1 จะครอบคลุมความสูญเสียต่อรถและบุคคลทุกกรณี ทั้งของผู้ขับขี่เองและของคู่กรณี รวมไปถึงความเสียหายจากการเฉี่ยว ชน ไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติต่าง ๆ การก่อการร้ายที่ส่งผลต่อตัวรถและบุคคลในรถ
3 คุ้มครองแม้ในกรณีชนแล้วหนี
โดยปกติประกันจะรับเคลมเมื่อมีคู่กรณีในพื้นที่ แต่สำหรับประกันภัยชั้น 1 แม้ไม่มีคู่กรณีก็สามารถเคลมประกันได้ ไม่ต้องกังวลในกรณีการชนแล้วหนี
4 รับผิดชอบความเสียหายต่อตัวรถทุกกรณี
ความเสียหายที่เกิดกับตัวรถด้วยเหตุปัจจัยใด ๆ ก็ตามจะได้รับการชดเชย หากรถเกิดอุบัติเหตุจะมีการซ่อมแซมจนรถกลับมาใช้ได้ตามปกติ รวมถึงการดูแลอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งในตัวรถที่ผ่านการแจ้งก่อนการทำประกันภัยด้วย
5 ครอบคลุมการสูญหายของตัวรถ
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ครอบคลุมถึงการโจรกรรม การสูญหายของรถ หากใครซื้อรถรุ่นใหม่ หรือมีโอกาสสูงในการถูกขโมย ประกันภัยชั้น 1 จะเป็นหลักประกันความเสี่ยงในส่วนนี้ได้ ในความเป็นจริงไม่ใช่รถทุกคันที่สามารถทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้ แต่หากกล่าวถึงความคุ้มค่าที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นประกันภัยชั้น 1 แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันด้วย หากรถไม่มีความเสี่ยงสูญหาย หรือมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อย เพราะขับในพื้นที่ที่ไม่แออัด และไม่ได้ขับขี่รถยนต์บ่อยก็สามารถเลือกประกันภัยที่มีเบี้ยประกันถูกกว่า เช่น ประกันชั้น 2+ ของวิริยะประกันภัย 2+ เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 7,500 บาท/ปี แต่ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งความเสียหายของรถและบุคคลคู่กรณี ความเสียหายต่อตัวรถของผู้ขับขี่ และค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ เสียชีวิต และค่าประกันตัวผู้ขับขี่ แม้ความคุ้มครองจะไม่ครอบคลุมรอบด้านเท่าประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 แต่ครอบคลุมทุกเรื่องที่จำเป็นในการขับรถ และหากผู้ขับขี่มีความชำนาญในการใช้รถแล้ว สามารถเปลี่ยนมาซื้อประกันภัยที่ความคุ้มครองลดลงในภายหลังได้ ฮักส์พร้อมให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ พร้อมเปรียบเทียบแผนประกันภัยแต่ละแบบ เพื่อการตัดสินใจที่ง่ายขึ้นของผู้เอาประกัน ติดต่อฮักส์ได้ที่ 0 2975 5855 หรือติดต่อผ่านหน้าเว็บไซต์ hugsinsurance.com