IPD และ OPD คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ?
เขียนเมื่อวันที่ 15/06/2021
มนุษย์เงินเดือน ควรเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบไหนดี
ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการวางแผนรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยตระหนักถึงความเสี่ยงยามเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรงหรืออุบัติเหตุ ซึ่งค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นอาจมากจากสวัสดิการประกันสังคมที่เรามีอยู่ หลายคนจึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ นั่นก็คือ “ประกันสุขภาพ” หลักประกันที่ช่วยให้คุณอุ่นใจยามเจ็บป่วย
เพราะโรคภัยไข้เจ็บบางครั้งมาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคืออาจมีโรคร้ายที่เกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้ยากต่อการรักษา อีกทั้งมีค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง อาทิ โรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยในลำดับต้น ๆ โรคไต รวมถึงโรคเบาหวาน ซึ่งล้วนแต่เป็นโรคร้ายที่มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะฉะนั้นการทำประกันสุขภาพ รวมถึงประกันมะเร็ง และประกันโรคร้ายแรงจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป จะได้อุ่นใจว่ามีเงินรักษายามเจ็บป่วยในอนาคต ไม่เป็นภาระของตัวเองหรือคนในครอบครัว
ประกันสุขภาพ คือ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยอีกรูปแบบหนึ่งที่เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ หรือกรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลทั่วไป ค่าผ่าตัด ค่าห้องพักขณะพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือค่าห้อง ICU เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงเหล่านี้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ดังนั้น ถ้ามีประกันสุขภาพทางบริษัทประกันจะเป็นผู้เข้าดูแลค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้แทน และปัจจุบันประกันสุขภาพมีความคุ้มครองที่น่าสนใจหลากหลายรูปแบบ อาทิ ให้ความคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุ, คุ้มครองโรคร้ายแรง, ชดเชยรายได้ หรือคุ้มครองกรณีเป็นผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก เป็นต้น วันนี้เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักประกันสุขภาพ IPD และประกันสุขภาพ OPD คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร ? หากมนุษย์เงินเดือนสนใจทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมควรเลือกทำประกันสุขภาพ IPD หรือ OPD ดี เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองครอบคลุมมากขึ้นจากสวัสดิการเดิมที่มีอยู่
ประกันสุขภาพ IPD และ OPD คืออะไร
ประกันสุขภาพ IPD คือ
ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน หรือ IPD (IN-PATIENT-DEPARTMENT) เป็นรูปแบบประกันที่มอบความคุ้มครองกรณีผู้เอาประกันเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลติดต่อกันเป็นเวลา 6 ชั่วโมงขึ้นไป หรือต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตามคำวินิจฉัยและคำแนะนำของแพทย์ โดยประกันสุขภาพ IPD จะเข้ามาดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ ค่าปรึกษาแพทย์, ค่าห้องพัก, ค่าอาหาร, ค่าตรวจทางชีวเคมี, ค่าบริการใช้ห้องผ่าตัด, ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด และค่า X-Ray เป็นต้น
ประกันสุขภาพ OPD คือ
เป็นประกันสุขภาพสำหรับผู้ป่วยนอกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ไม่ต้องนอนพักรักษาตัว เนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยไม่รุนแรงหรือไม่ต้องนอนรอดูอาการ อาทิ มีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะเล็กน้อย หรือมีแผลหกล้ม แผลมีดบาด เป็นต้น โดยประกันสุขภาพ OPD เข้ามาคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงพยาบาล, ค่ายา, ค่าปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง หรือค่าบริการทางการแพทย์
ประกันสุขภาพ IPD และ OPD แตกต่างกันอย่างไร ?
เมื่อพิจารณาความคุ้มครองของประกันสุขภาพ IPD และ OPD พบว่า แผนประกันสุขภาพทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกันตรงที่ประกันสุขภาพ IPD เข้ามาดูแลค่ารักษาพยาบาลเฉพาะผู้ป่วยในที่ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตามความเห็นของแพทย์เท่านั้น ซึ่งต่างไปจากประกันสุขภาพแบบ OPD หรือผู้ป่วยนอก ที่เข้ามาดูแลผู้ป่วยที่เดินทางมาพบแพทย์ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยทั่ว ๆ ไป หรืออาการบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อรับยาตามที่แพทย์สั่งเสร็จแล้วกลับบ้านได้เลย
เลือกทำประกันสุขภาพ IPD และ OPD ที่ไหนดี
ประกันภัยสุขภาพ Viriyah Healthcare by BDMS จากวิริยะประกันภัย
ขอแนะนำ “ประกันสุขภาพ Viriyah Healthcare by BDMS” จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ซึ่งเป็นประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเป็นผู้ป่วยใน (IPD) เท่านั้น โดยแต่ละแผนมีความแตกต่างที่เบี้ยประกัน วงเงินคุ้มครอง IPD ต่อปี หรือค่าห้องพัก มีรายละเอียด ดังนี้
Viriyah Healthcare by BDMS (แผน 1) :
มอบวงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท/ปี โดยจ่ายเบี้ยเริ่มต้น 6,000 บาท/ปี ขณะที่ให้ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงถึง 3,000 บาท/วัน และค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) อยู่ที่ 6,000 บาท/วัน และไม่จำกัดวงเงินค่ารักษาต่อครั้ง
Viriyah Healthcare by BDMS (แผน 2) :
ให้วงเงินคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท/ปี จ่ายเบี้ยประกันเริ่มต้น 8,700 บาท/ปี พร้อมมอบความคุ้มครองค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล จำนวน 5,000 บาท/วัน และให้ค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) สูงถึง 10,000 บาท/วัน โดยไม่จำกัดวงเงินค่ารักษาต่อครั้ง
Viriyah Healthcare by BDMS (แผน 3) :
มีวงเงินคุ้มครองสูงสุด 700,000 บาท/ปี โดยจ่ายเบี้ยเริ่มต้น 12,000 บาท/ปี ขณะที่ให้ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล สูงถึง 8,000 บาท/วัน และค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) อยู่ที่ 16,000 บาท/วัน รวมถึงไม่จำกัดวงเงินค่ารักษาต่อครั้งอีกด้วย
Viriyah Healthcare by BDMS
แผนประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่าย ประกันแผนนี้ยังมีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง คือ เป็นประกันสุขภาพ IPD ที่ผูกการรักษากับโรงพยาบาลในเครือ BDMS ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานการรักษาและบริการระดับโลก และมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศถึง 47 แห่ง ทำให้มั่นใจได้ว่า ยามเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินคุณจะได้รับการดูแลที่ดีเยี่ยม รวดเร็ว และฉับไวอย่างแน่นอน สำหรับใครที่มีประกัน OPD (ผู้ป่วยนอก) หรือมีประกันกลุ่มของบริษัทคุ้มครองอยู่แล้ว สามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพ Viriyah Healthcare by BDMS แผนใดแผนหนึ่ง เพื่อเสริมความคุ้มครองเรื่องสุขภาพเพิ่มเติมจะได้ครอบคลุม หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายสุขภาพ